top of page
Writer's pictureclassyuth

สรุปสาระร่าง กม.ปลดล็อกท้องถิ่น

Updated: Dec 28, 2022


นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าคณะก้าวหน้า และประชาชน จำนวน 76,591 รายชื่อเสนอ ร่าง กม.แก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 14 (การปกครองท้องถิ่น)เพื่อกระจายอำนาจ หรือ ปลดล็อกท้องถิ่น) ถือเป็นร่าง กม.ที่ประชาชนเสนอต่อรัฐสภา


เหตุผล การกระจายอำนาจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในประเทศไทยมีความพยายาม ตั้งแต่ช่วง พ.ศ.2530 และเกิดผลเป็นบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ 2540 แต่การกระจายอำนาจยังไม่สมบูรณ์ ในตรั้งนี้จึงเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อแก้ปัญหาที่ตกค้างมาอย่างน้อย 5 ประการ คือ


ประการแรก อปท. ในประเทศไทยมีอำนาจและกรอบภารกิจจำกัด ทำให้หลายปัญหาในระดับท้องถิ่นต่างๆ ไม่ได้รับการแก้ไข


ประการที่สอง ปัญหาอำนาจซ้ำซ้อนระหว่างอำนาจของราชการส่วนกลางและอำนาจของราชการส่วนภูมิภาคในทุกจังหวัด กับอำนาจขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทำให้เกิดสภาพอำนาจซ้ำซ้อน บางกรณีก็เกี่ยงกันทำ บางกรณีก็แย่งกันทำ


ประการที่สาม ปัญหาเรื่องงบประมาณและรายได้ของ อปท. ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของท้องถิ่นอยู่ที่ 35% แต่ไม่น้อยเป็นงานฝากที่ราชการส่วนกลางเอาไปให้ท้องถิ่น เช่น การจ่ายเบี้ยเงินสวัสดิการต่างๆ ส่วนท้องถิ่นจึงขาดลงทุนงบพัฒนาท้องถิ่น เช่น การลงทุนปรับปรุงน้ำประปาทั้งระบบในตำบลให้ใสสะอาทำได้ด้วยงบ 10 ล้านบาทต่อตำบล ซึ่ง อบต. ในประเทศไทยส่วนใหญ่มีเงินลงทุนต่อปีราว 2-3 ล้านบาท

ประการที่สี่ การกำกับดูแลของราชการส่วนกลางและส่วนภูมิภาค กลายเป็นบังคับบัญชามากขึ้น มีหนังสือเวียน ระเบียบ ข้อสั่งการต่างๆ เข้าไปสั่งการท้องถิ่น แต่ควรเป็นการประสานงานร่วมมือกัน


ประการที่ห้า การมีส่วนร่วมของพลเมืองในท้องถิ่น พลเมืองจำเป็นจะต้องมีส่วนร่วมในทางการเมืองในระดับท้องถิ่นมากยิ่งขึ้น ไม่ใช่แค่การหย่อนบัตรเลือกตั้ง


ปัญหาทั้งหมดนี้ที่ได้รวบรวมสังเคราะห์จากการศึกษางานวิจัยจำนวนมาก นำไปสู่การเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 14 การปกครองท้องถิ่น คือ รับรองหลักการกระจายอำนาจ กำหนดอำนาจหน้าที่แบบทั่วไปในการจัดทำบริการสาธารณะให้ท้องถิ่น แก้ไขปัญหาเรื่องอำนาจซ้ำซ้อนระหว่างส่วนกลาง ภูมิภาค ท้องถิ่น


รวมถึง ยืนยันหลักการท้องถิ่น 2 ประเภท คือแบบทั่วไปกับแบบพิเศษ

การประกันเรื่องหลักการเลือกตั้งผู้บริหารท้องถิ่นและสมาชิกสภาท้องถิ่น, ขยับสัดส่วนรายได้ส่วนกลาง-ท้องถิ่น ไปสู่ร้อยละ 50-50 พร้อมทั้งกำหนดแหล่งรายได้ใหม่ๆ

เช่น การกู้เงินและออกพันธบัตรท้องถิ่น, เพิ่มรูปแบบการจัดทำบริการสาธารณะของท้องถิ่น , ความเป็นอิสระในการบริหารงานบุคคล, การกำหนดขอบเขตอำนาจกำกับดูแลของส่วนกลาง, การมีส่วนร่วมของประชาชน, กำหนดระยะเวลาการถ่ายโอนอำนาจเพื่อกำหนดสภาพบังคับ และแผนการจัดออกเสียงประชามติ เกี่ยวกับ การบริหารจัดการระบบราชการส่วนภูมิภาค


นาย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ว่า ปัจจุบันมีปัญหาการกระจุกตัวของงบประมาณ งบส่วนกลางมีสัดส่วน 87% ขณะที่งบประมาณท้องถิ่นมีแค่ 13% เมื่อเปรียบเทียบกรุงเทพฯมีขนาดใหญ่กว่าเทศบาลที่อยู่ในลำดับถัดไปถึง 20 เท่า ต่างจากอังกฤษหรือญี่ปุ่นที่ท้องถิ่นแตกต่างกันมากสุด 2-3 เท่า


การกระจายอำนาจ จึงเป็น การลดความเหลื่อมล้ำ คือการต่อสู้กับปัญหาได้รวดเร็วมากขึ้น และเป็นการลดคอรัปชั่น การกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นจะทำให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อไปได้
โดยต้องยกเลิกคำสั่งและกฎหมายแช่แข็งท้องถิ่น ที่เป็นมรดกของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และจะต้องแก้ปัญหา 2 เรื่อง คือ ให้มีการเลือกตั้งท้องถิ่น และแก้ปัญหาภาษี จากเดิมที่ส่วนกลางมีสัดส่วน 65% ท้องถิ่น 35% จะต้องแบ่งเป็น 50-50 ซึ่งจะทำให้ตอบโจทย์ปัญหาแต่ละพื้นที่ได้เร็วมากขึ้น

ทั้งนี้ ร่างกม.แก้ไขรธน.ปลดล๊อกท้องถิ่นนี้ เข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุมร่วมสภาเมื่อวันที่ 30 พ.ย. 2565 โดย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นผู้นำเสนอร่างกม.โดยขอให้สมาชิกสภาฯ และวุฒิสภา เห็นความสำคัญของท้องถิ่นกับการพัฒนาประเทศ และขอให้รับร่างกฎหมายไปก่อน หากมีมาตราที่ไม่ถูกใจ สามารถแก้ไขรายละเอียด ในวาระที่ 2 และ 3 ต่อไป

นายชวน ประธานรัฐสภา แจ้งต่อที่ประชุม ขอนัดประชุมรัฐสภา (ส.ส.-ส.ว.) ลงมติว่าจะรับร่างฯ แก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าวหรือไม่ ในวันพุธที่ 7 ธ.ค. 65 เวลา 09.30 น.



ลำดับเวลา

เมย.๒๔๖๕ การรณรงค์ ‘ขอคนละชื่อ ปลดล็อกท้องถิ่น’ ล่ารายชื่อประชาชน ที่ดำเนินการมาตั้งแต่เดือนเมษายน๒๕๖๕ โดย ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และ คณะก้าวหน้า จนรวบรวมรายชื่อประชาชนได้มากกว่า 5 หมื่นรายชื่อตามที่กม.กำหนด และยื่นให้รัฐสภาพิจารณา

วันที่ 30 พฤศจิกายนนี้ ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 14 ฉบับปลดล็อกท้องถิ่น เพื่อมุ่งแก้ปัญหาระบบราชการรวมศูนย์ และกระจายอำนาจคืนสู่ประชาชน เข้าสู่การประชุมร่วมของรัฐสภาคือสภาผู้แทนและวุฒิสภา

25 พฤศจิกายน พรรคก้าวไกลและคณะก้าวหน้า จัดวงพูดคุย โดย ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า, พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล, พริษฐ์ วัชรสินธุ์ ผู้จัดการการรณรงค์สื่อสารนโยบาย พรรคก้าวไกล และนักวิชาการ ชำนาญ จันทร์เรือง และ วีระศักดิ์ เครือเทพ



อ้างอิง ข้อมูลการชี้แจงและนำเสนอต่อรัฐสภาของผู้แทน คณะก้าวหน้า

19 views0 comments

Kommentare


bottom of page